top of page
  • muutang

Transition Words คืออะไร?

Transition words are words like 'and', 'but', 'so' and 'because'. They show your reader the relationship between phrases, sentences, or even paragraphs. When you use them, you make it easier for your readers to understand how your thoughts and ideas are connected.


Transition words คือ คำหรือวลีที่ใช้เชื่อมส่วนต่าง ๆ ของประโยคภาษาอังกฤษทั้งในงานเขียนและการพูดให้มีความต่อเนื่อง ไหลลื่น และช่วยส่งสัญญาณให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังรู้ว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร จะเป็นอย่างไรต่อไป


การใช้ Transition words

Transition words ทำหน้าที่เชื่อมประโยค ตำแหน่งของคำจะอยู่ระหว่างประโยคที่ 1 กับประโยคที่ 2 และต้องเป็นคำที่มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกับประโยคแรก

โดยประโยคแรกจบด้วยเครื่องหมาย full stop ( . ) หรือ simicolon ( ; ) หรือ comma ( , ) และหลัง Transition words จะตามด้วย เครื่องหมาย comma ( , ) แล้วถึงขึ้นต้นประโยคที่ 2


โครงสร้าง 1 : Sentence A. + Transition words, + Sentence B.

เช่น I was sleepy. Therefore, I went to bed.

(ฉันง่วง ดังนั้นจึงไปนอน)


โครงสร้าง 2 : Sentence A; + Transition words, + Sentence B. เชน The hotel was very reasonable; moreover, the location was perfect. (โรงแรมราคาสมเหตุสมผล อีกทั้งยังอยู่ในโลเคชั่นที่ดีด้วย)

Transition words สามารถแบ่งได้หลากหลาย

ตามลักษณะต่างๆ ที่ใช้


1. Additive signals (บอกการเพิ่มเติมข้อมูลและความต่อเนื่อง)

ตัวอย่าง:

She is highly experienced in her field; moreover, she has an MBA from a top school.

เธอมีประสบการณ์สูงในสาขาของเธอ นอกจากนี้ ยังมีปริญญาโทบริหารธุรกิจจากโรงเรียนชั้นนำอีกด้วย


He chooses his job for other reasons besides money. เขาเลือกงานนี้ นอกจากเรื่องเงินแล้ว ยังมีเหตุผลอื่นอีกด้วย


2. Cause signals (บอกเหตุและผล)

ตัวอย่าง:

Danny hates the cat, therefore his house doesn't have the cat.

แดนนี่เกลียดแมว ดังนั้น บ้านของเขาจึงไม่มีแมว


I'll have to go now, otherwise I'll miss the train.

ฉันจะต้องไปแล้วตอนนี้ ไม่อย่างงั้น ฉันจะไปไม่ทันรถไฟ


3. Contrast signals (บอกความขัดแย้ง/แตกต่าง)

ตัวอย่าง:

Although she had missed her final exam, her grade was acceptable.

แม้ว่า เธอจะพลาดการสอบปลายภาค แต่เกรดของเธอก็เป็นที่ยอมรับ


While she was talking on the phone, a package arrived at her front door.

ขณะที่ เธอกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ พัสดุก็มาถึงหน้าประตูบ้านของเธอ


4. Sequence signals (บอกลำดับและเวลา)

ตัวอย่าง:

The baby will cry whenever she doesn't see her mother.

เด็กทารกจะร้องไห้ เมื่อใดก็ตาม ที่เธอไม่เห็นแม่ของเธอ


She slept during the movie.

เธอหลับคาภาพยนตร์ / เธอหลับ ระหว่างที่ ภาพยนตร์ฉาย


5. Place signals (บอกสถานที่, ความสัมพันธ์ของตำแหน่ง)

ตัวอย่าง:

Our house is just beyond the bridge.

บ้านของพวกเราอยู่แค่ เลยออกไป จากสะพานไปนิดเดียว


There are nearly 3,000 Covid-19 patients in Thailand.

มีผู้ป่วยโควิด เกือบ สามพันคน


6. Exemplification หรือ Illustration signals (บอกการยกตัวอย่างและความเหมือน)

ตัวอย่าง:

He loves animals, especially dogs.

เขารักสัตว์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สุนัข


Our house has seven rooms including the dining room.

บ้านของเรามีเจ็ดห้อง รวมถึง ห้องนั่งเล่นด้วย


7. Comparison signals (บอกการเปรียบเทียบ)

ตัวอย่าง:

Last week, we planted lime trees in garden and other neighbors did likewise.

สัปดาห์ที่แล้วเราปลูกมะนาวในสวนของเราเพื่อนบ้านก็ทำ เช่นเดียวกัน


Sarah drinks less tea than Sammy.

ซาร่าดื่มชา น้อยกว่า แซมมี่


8. Emphasis signals (บอกการเน้นย้ำความสำคัญ)

ตัวอย่าง:

You are so pretty indeed!

เธอน่ารัก จริงๆ เลยอ่ะ


She's certainly learned that trick of arranging flowers from Rebecca.

หล่อนต้องเรียนรู้เคล็ดลับ การจัดดอกไม้มาจากรีเบคคา เเน่ๆ


9. Conclusion signals (บอกสรุป)

ตัวอย่าง:

In brief, you should have accepted the responsibility.

อย่างสั้นๆ คุณควรยอมรับความรับผิดชอบ


Consequently, we must somehow repay this debt of ours.

ผลที่สุดก็คือ เราต้องหาทางทำอะไรซักอย่างเพื่อเป็นการชดใช้



อย่าลืมนำไปฝึกใช้กันนะคะ เพราะการใช้คำเชื่อมได้ดี จะช่วยให้งานเขียนและการพูดภาษาอังกฤษของเราดูดี มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น เพราะประโยคเหล่านั้นจะสอดคล้อง ดูเป็นเหตุเป็นผล และทำให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้นอีกด้วยค่ะ

34 views

Recent Posts

See All
bottom of page